เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี

เป็นคำถามคลาสสิกผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ  ที่เรามักจะถามกับตัวเอง เพื่อนๆ หรือคนรอบข้าง เมื่อต้องการหาสถานที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ที่นี่สอนดีหรือไม่? เปิดใหม่หรือเปิดมานานแล้ว? หลักสูตรการเรียนการสอนเป็นอย่างไร? ที่เค้าบอกกันว่าสอนดีๆ เห็นผลจริง มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? สารพัดคำถามที่พรั่งพรูออกมา แล้วแต่ว่าใครจะขี้สงสัยมากน้อยกว่ากัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่าทุกคนน่าจะได้คำตอบที่ต้องการ ซึ่งเราก็มีบางแง่มุมน่าสนใจมานำเสนอ ซึ่งอาจช่วยคลายข้อสงสัยให้ได้อีกทางว่าเราควรเลือกเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี

เนื้อหาเข้มข้น เรียนกับ มหา’ลัยชั้นนำ

สถาบันภาษา

หนึ่งในบทบาทหน้าที่สำคัญของสถาบันอุดมศึกษา ก็คือ การบริการด้านวิชาการ เป็นคลังสมอง พัฒนาและยกระดับวิชาความรู้ให้กับคนในสังคม ผ่านการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งจึงมุ่งมั่นปฏิบัติตามภารกิจนี้อย่างแข็งขัน สะท้อนจากการจัดตั้ง สถาบันภาษา เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเพิ่มพูนทักษะตามหลักสูตรต่างๆ ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษหลากหลายระดับ เช่น สำหรับผู้ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย  บุคคลทั่วไป บุคลากรของรัฐ ไปจนถึงครูผู้สอนภาษาอังกฤษโดยตรง ฯลฯ แน่นอนว่าการถ่ายทอดความรู้ด้านนี้ เนื้อหาค่อนข้างแน่นและเข้มข้น ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรระยะสั้น ระยะยาว ส่วนอัตราค่าเรียนก็จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม

“สถาบันเก่าแก่” สอดแทรกวัฒนธรรม

สถาบันสอนภาษาอังกฤษเก่าแก่ ที่เข้ามาปักหมุดในไทยมาช้านาน และยังคงมีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ก็คงจะมาจากสหราชอาณาจักรและฟากฝั่งอเมริกานี่แหละ การจะบอกว่าสถาบันไหนเหนือกว่ากันนั้น เห็นทีจะพูดลำบาก ขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมส่วนตัวของผู้เรียนเสียมากกว่า เพราะเนื้อหาหลักสูตรโดยรวมจะใกล้เคียงกัน เปิดการเรียนการสอนหลายระดับเช่นกัน แถมมีคอร์สไปเรียนยังต่างประเทศสม่ำเสมอ ความแตกต่างที่พอจะสัมผัสจับต้องได้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม ที่สอดแทรกอยู่ในแต่ละคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของแต่ละสถาบัน ครอบคลุมถึง เรื่องมารยาททางสังคมในด้านต่างๆ การทักทาย ทานอาหาร การใช้ศัพท์แสลง ฯลฯ ที่ชาวเมืองผู้ดีและเมืองมะกัน จะมีธรรมเนียมปฏิบัติต่างกันอยู่บ้างพอควร

เรียนสนุก ลุกนั่งสบาย “สถาบันสอนภาษา”

สถาบันสอนภาษาอังกฤษ

โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มสถาบันสอนภาษาเอกชน ทั้งที่เป็นของไทยและมาจากต่างประเทศ ซึ่งถือว่ามีอยู่มากที่สุดหลายร้อยหลายพันแห่ง กระจายตัวอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วไทย ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างมีคุณภาพมาตรฐาน ทั้งเรื่องสถานที่ ทีมคณาจารย์ผู้สอน การนำเสนอหลักสูตรที่หลากหลายและครอบคลุม ตลอดจนการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเติมเต็มการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียน จะตั้งหน้าตั้งตาเรียนแบบรวดเดียวจบ หรือเรียนๆ หยุดๆ ตามวันเวลาที่สะดวกก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่รับรู้กัน เมื่อสถาบันเหล่านี้ได้ปรับปรุงและยกระดับมาตรฐานในทุกๆ ด้านแล้วนั้น อัตราค่าเรียนก็ย่อมกำหนดไว้ในระดับค่อนข้างสูงเป็นธรรมดา

การจะฟันธงฉับว่า เรียนภาษาอังกฤษกับสถานที่แห่งใดดีหรือไม่ดีกว่ากันนั้น คงต้องใช้หลายหลักเกณฑ์มาเป็นมาตรวัด เนื้อหาหลักสูตร ครูผู้สอน รูปแบบหรือวิธีการถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านต่างๆ

เหนือสิ่งอื่นใด น่าจะอยู่ที่ตัวผู้เรียนว่า มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในการศึกษาเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด?